เคล็บลับสำหรับวิ่งหน้าร้อน

Last updated: 30 พ.ย. 2566  | 


ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งสายแข็งหรือมือใหม่หัดวิ่ง สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับการวิ่งในช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้นสภาพอากาศที่ร้อนระอุจนอยากจะหยุดวิ่งกันดื้อๆ แล้วไปหลบแดดแช่แอร์ตั้งแต่ก้าวเท้าแรกที่ออกจากร่มเงา การวิ่งในช่วงหน้าร้อนนั้น นอกจากจะต้องใช้พลังกาย (และพลังใจ) มากกว่าปกติแล้ว ยังต้องใช้ความเอาใจใส่มากเป็นพิเศษด้วย นั่นก็เพราะว่าแสงแดดและอุณหภูมิที่สูงนั้นจะทำให้ร่างกายของเราทำงานหนักจนออกอาการเหนื่อยล้าเร็วกว่าปกติ เช่น จากเดิมที่วิ่งเพซ 6 ได้สบายๆ กลับกลายเป็นว่าต้องใช้พลังงานและหยาดเหงื่อที่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน รวมถึงตัวเลข heart rate บนหน้าจอที่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ




วันนี้ โค้ชเหรียง-ณัฐ ดำรงค์ทวีศักดิ์ โค้ชด้านการวิ่งจากอาดิดาส รันเนอร์ส แบงค็อก (adidas Runners Bangkok) ได้แชร์ทริคในการวิ่งหน้าร้อนเพื่อให้ทุกคนได้วิ่งผ่านพ้นสมรภูมิร้อนไปด้วยกัน ดังนี้


1. ดื่มน้ำจิบเกลือแร่ให้มากขึ้น – เริ่มจากการดื่มน้ำหรือเกลือแร่ที่ติดมาในกระเป๋าของเราให้มากขึ้นและบ่อยขึ้น ทั้งในช่วงก่อนวิ่ง ขณะวิ่ง และหลังวิ่ง ยิ่งถ้าเป็นน้ำเย็นๆ ก็จะช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ดีกว่าน้ำอุ่น ส่วนใครที่โปรดปรานเกลือแร่ ก็ขอให้เปลี่ยนมาใช้แบบที่มีความเข้มข้นน้อย เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ปริมาณและการดื่มนั้นขึ้นอยู่กับระยะทางการซ้อมในวันนั้นๆ และร่างกายที่มีอัตราการสูญเสียเหงื่อที่ไม่เท่ากัน จึงอาจปรับเพิ่มจากปกติประมาณ 200 - 300มิลลิลิตร ตามความเหมาะสม


2. ล้างหน้าล้างตัวด้วยน้ำเย็น – เทคนิคนี้เป็นวิธีเติมความสดชื่นแบบง่ายๆ เพียงแค่เอาน้ำเย็นราดเบาๆ ที่บริเวณใบหน้าและตามส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ทันที
3. เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี – ถ้าปกติใส่เสื้อยืดไปวิ่ง ก็ให้ลองเปลี่ยนมาใช้เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีกว่าอย่างClima Chill เพราะเสื้อยืดที่ชุ่มเหงื่อจะระบายอากาศและอุณหภูมิในร่างกายได้ไม่ดี อีกทั้งยังทำให้เราไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวอีกด้วย จึงขอแนะนำให้ใส่เสื้อที่ระบายอากาศได้ดี หรือเลือกใส่เสื้อกล้ามที่สามารถระบายความร้อนได้ดีที่สุด


3. เตรียมของกันแดด และปรับเวลาวิ่ง – หากว่าซ้อมวิ่งในช่วงเช้าหรือช่วงที่มีแดดแรง ก็ควรใช้ครีมกันแดด สวมหมวกกันแดด และใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิวหนังและสายตามากจนเกินไป หรืออาจจะลองปรับช่วงเวลาวิ่งใหม่ เช่น ตื่นไปวิ่งตั้งแต่เช้ามืด ไม่ก็รอให้แดดหมดก่อน หรือหลบร้อนไปวิ่งในยิมแทนก็ถือเป็นไอเดียที่ไม่เลวเหมือนกัน


4. หมั่นสังเกตสัญญาณเตือนจากร่างกาย – ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอก่อนออกไปวิ่ง และคอยตรวจเช็คอาการผิดปกติขณะวิ่งเสมอ เช่น หน้ามืด คลื่นไส้ หัวใจเต้นเร็วและรัว ถ้ารู้สึกว่าฝืนร่างกายจนเกินไปหรือใกล้เป็นลมหมดสติ ก็ขอให้ค่อยๆ ผ่อนแรงลงและอย่าหยุดวิ่งทันที เพราะอาจเกิดอันตรายจากภาวะ heat exhausted หรือ heat strokeที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้