Last updated: 30 พ.ย. 2566 |
BMW R NineT มอเตอร์สายเท่ห์ สาย Heritage วัยรุ่น 90 ชอบ! ยิ่งได้ผสมผสานกับเครื่องยนต์ BMW ใส่เทคโนโลยีสมัยใหม่ พอหอมปากหอมคอ เอาไว้ได้อย่างลงตัว
ชุดไฟด้านหน้า LED ทรงกลมโตสไตล์คลาสสิค พร้อมไฟ DRL ที่มีฟังชั่นไฟหน้าออโต้ เมื่อเข้าในที่แสงน้อยหรือที่มืด ไฟหน้าจะติดขึ้นมา มีความสว่างชัดเจนมาก ไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงไฟท้ายก็เป็นไฟ LED และไฟเบรก BMW R nineT ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Dynamic Brake Light เมื่อเบรกฉุกเฉิน ไฟท้ายและไฟเลี้ยวจะกระพริบถี่ๆ เพื่อเตือนให้รถคันหลังได้ระวัง
มาดูในส่วนของเรือนไมล์ทรงกลมแนวโมเดิร์นคลาสสิค ที่มีทั้งอนาล็อกและดิจิตอล หน้าจอแสดงข้อมูลได้เกือบครบ ยกเว้นเกจ์ที่สำคัญ…นั้นคือ เกจ์ระดับเชื้อเพลิงที่ไม่ได้มีมาให้ จะรู้ก็ตอนที่มีไฟเตือนระดับน้ำมันที่ยังวิ่งได้อีกประมาณ 50 กิโลเมตรต้องหาปั๊มเติมน้ำมัน เรือนไมล์ทรงกลมทั้ง 2 วงแบ่งข้อมูลชัดเจน ด้านขวาเป็นวัดรอบแบบเข็ม และด้านล่างจะมีข้อมูลบอกทั้งระดับแบตเตอรี่ ตำแหน่งเกียร์ ความเร็วเฉลี่ย อัตราการบริโภคน้ำมันเป็นต้น และมีเพิ่มเติมขึ้นมาบริเวณใกล้กับเครื่องยนต์นั้นก็คือ USB ที่เอาไว้ชาร์จไฟมือถือ หรืออุปกรณ์ GPS
เรือนไมล์ฝั่งด้านซ้ายจะเป็นเข็มวัดความเร็ว ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ว่าง บอกโหมดการขับขี่ อุณหภูมิภายนอก ทริป A ทริป 1 ทริปรวม เป็นต้น
ถังน้ำมันที่มีความจุ 18 ลิตร ดีไซน์ได้สวยงามลงตัว ไม่ว่าจะเป็นส่วนเว้าให้พอดีกับการวางเข่า ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง ท่ายืน รวมถึงเวลาเข้าโค้ง แถมยังออกแบบมาให้เข้ากับเบาะนั่งแบบตอนเดียวดีไซน์สวยงามเข้ากับตัวรถแถมยังให้ท่าทางการขับขี่ที่สบายรับกับตำแหน่งแฮนด์บาร์ทรงกว้างของตัวรถอย่างลงตัวไม่ก้มหน้าหรือนั่งจนหลังตรงจนเกินไป
ประกับด้านขวาจะมีปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทั้ง 3 แบบ ไล่ลงมาเป็นปุ่มดับเครื่องยนต์และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนประกับทางด้านซ้ายจะมีอยู่หลายปุ่ม ทั้งปุ่มไฟ Passing ปุ่มไฟสูง ปุ่มดูข้อมูล เมนูที่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้ ปุ่มไฟเลี้ยว แตร ส่วนก้านเบรคมือและคลัทส์ สามารถปรับความแข็ง-อ่อน ได้ 5 ระดับ
โช้คอัพด้านหน้าเป็นแบบ Up Side Down กระบอกสีทองขนาดแกน 46 มม. ส่วนด้านหลังมาพร้อม Mono Shock ซึ่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของโช็คอัพได้ค่อนข้างละเอียด
ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 มม. ใส่คาลิปเปอร์เบรก Brembo แบบ 4 พอร์ต ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับจานดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 265 มม. ที่ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เบรกจาก BMW แบบ 2 พอร์ต
ส่วนล้อและยางของ BMW R NineT ด้านหน้าใส่ล้อซี่ลวดขนาด 17 นิ้ว ใส่ยางของ Michelin Road5 ขนาด 120/70 ZR17 ในส่วนของล้อด้านหลังก็เป็นแบบซี่ลวดขนาดล้อ 17 นิ้ว ใส่ยาง Michelin Road5 ขนาด 180/55 ZR17 ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบเพลาและ PRO ARM มีความสวย เท่ห์ เข้ากับท่อคู่ที่ออกทางด้ายซ้ายเป็นของ Akrapovic ที่ให้เสียงทุ่ม นุ่ม ไพเราะ
มาดูหัวใจสำคัญของ BMW R NineT ที่ใส่เครื่องยนต์ Boxer วางนอนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ขนาด 1,170 ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศและมี Oil Cooler ไว้ระบายความร้อนของน้ำมันเครื่อง และใกล้ๆกันกับ Oil cooler นั้นคือกันสะบัด ป้องกันอาการชกลมหรือหน้าส่ายเวลาลงหลุมหรือใช้ความเร็ว และเครื่องยนต์ตัวนี้ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหัวลูกสูบใหม่ให้เผาไหม้ได้สะอาดมากยิ่งขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นการปรับปรุงระบบ Turbulence System ใหม่ เพื่อให้อากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถเคลื่อนที่เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในส่วนของกำลังของเครื่องยนต์มีแรงม้า 109 แรงม้า ที่ 7,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 116 นิวตัน-เมตร แต่ได้ปรับปรุงแรงบิดให้เพิ่มมากขึ้นในรอบความเร็ว 4,000-6,000 รอบ ส่งผลให้อัตราการเร่งแซงในช่วง 60-100 กม./ชม. และ 100-140 กม./ชม. ดีขึ้นกว่าเดิม แถมยังผ่านมาตรฐานมลพิษ EU5
โหมดการขับขี่มีมาให้ 3 โหมด เลือกปรับใช้งานได้ตามสถานการณ์ทั้ง Rain Mode โหมดการขับขี่ที่เหมาะกับสภาพถนนที่เปียกลื่น หรือฝนตก , Road Mode โหมดการขับขี่ใช้งานทั่วไปในสภาวะสภาพถนนปกติ และ Dyna Mode จะมาเต็มทุกโหมดความแรง เป็นโหมดที่ขี่คนเดียวได้สนุกมาก
ระบบความปลอดภัยให้มาระดับหนึ่ง อาทิระบบ ABS Pro + DBC (Dynamic Brake Control) ซึ่งระบบ ABS Pro จะทำงานร่วมกันกับ DBC เพื่อช่วยส่งแรงเบรกสูงสุดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคำนวณจากระบบเซ็นเซอร์ที่ถูกติดตั้งไว้จาก พื้นผิวถนน มุมเอียงตัวรถ เพื่อระบบจะได้คำนวณแรงเบรกออกมาได้อย่างปลอดภัยกับสถานการณ์ตรงหน้า
ระบบ DTC (Dynamic Traction Control) + MSR (Engine Brake Control) คือระบบ DCT ที่จะทำงานร่วมกับ MSR เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพสูงสุดสำหรับการขับขี่ โดยจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับการเอียงของรถ จังหวะการเชนเกียร์ การเบรก เพื่อที่ตัวรถจะทำการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้านอย่างเหมาะสม ทำให้ตัวรถไม่เกิดอาการสไลด์ภายในโค้งนั่นเอง
ขี่แล้วคุยหน่อย BMW R NineT ดูจากภายนอกอาจจะดูคันใหญ่ เพราะด้วยตัวเครื่องที่เป็นแบบสูบนอน ขยายออกทางด้านข้างประกอบกับตัวถังน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ เลยทำให้ด้านหน้าของตัวรถมีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามองจากทางด้านหลังจะดูเพียว ดูเล็ก มองดูจากทางด้านข้างจะดูสมส่วน
หลังเปิดสวิตซ์กุญแจ สตาร์ทเครื่องแล้วตัวรถจะมีอาการเหวี่ยงออกทางด้านข้างพอรู้สึกได้ จึงไม่ค่อยเหมาะกับการเบิ้ลเครื่องยนต์ ทั้งตอนหยุดนิ่งหรือกำลังขับขี่อยู่ เพราะอาจเกิดการสะบัดได้สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชินกับอาการของตัวรถ เมื่อออกตัวรถไปแล้วบอกได้เลยว่า ตัวรถบาลานซ์ดีมาก ขี่แล้วมั่นใจ กล้าเล่นกับรถ ขี่ช้าก็เพลิน ขี่เร็วยิ่งสนุก ยิ่งได้การปรับเซตช่วงล่าง บวกกับยางที่ติดรถมา ทำให้การเข้าโค้งนั้น เกาะโค้งดีมาก ผนวกกับโหมดที่ให้มาทั้ง 3 โหมด โดยส่วนตัวชอบโหมด Road มีความแรงที่พอเหมาะ ประกอบกับระบบความปลอดภัยที่พอมีให้พอเหมาะพอดี ระบบเบรคไว้ใจได้ ยิ่งได้เบรคคู่จาก Brembo และมีระบบ ABS Pro ทำให้มั่นใจในการเบรคทั้งทางตรงรวมถึงการเบรคในโค้ง
สรุป ถ้าคุณชอบรถที่มีความเท่ห์ ขี่สนุกด้วย ขี่สบายก็ดี ขี่เที่ยวก็ได้ ขี่ลุยทางฝุ่นก็กำลังดี และราคา 859,000 บาท ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก
27 ธ.ค. 2566
26 ส.ค. 2566
22 ก.ค. 2566