เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ปลื้มผลประกอบการโตต่อเนื่อง

Last updated: 30 พ.ย. 2566  | 

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด แถลงผลประกอบการ ปี 2559 เติบโตติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ยอดสินเชื่อรถยนต์โตขึ้นกว่า 2 เท่า จากปี 2555 พร้อมเน้นกลยุทธ์ “THE BEST” เพื่อมอบผลิตภัณฑ์บริการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและลูกค้ารายย่อย

 

ศุภวุฒิ จิรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทาย เริ่มต้นปีได้รับผลกระทบจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในรอบปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในประวัติศาสตร์ เป้นผลมาจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว สิ่งที่ตามมา คือ  เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรงในไตรมาสสุดท้าย ที่คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นแต่กลับลดลง จึงปรับเรื่องไฟแนนซ์ลงมา 20% แต่ท้ายที่สุดก็เติบโตมาได้ ปัจจัยที่เราโตขึ้นเพราะยอดขายของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์โตขึ้น ในปีที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อใหม่มากกว่า 6 หมื่นล้านยูโร ทั้งในด้านการปล่อยสินเชื่อใหม่และมูลค่าสินเชื่อรวม ถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดจะชะลอตัวลง ในขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก เนื่องจากลูกค้าเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพ ผลมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกเงื่อนไขทางการเงินตามที่ลูกค้าต้องการ รวมทั้งการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร ตอบโจทย์   ไลฟ์สไตล์และความต้องการของทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ ประกอบกับโปรแกรม ‘mySTAR Special’ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  เนื่องจากการนำเสนอค่าเช่าต่อเดือนเพียง 1% ของราคาเต็มรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์  รวมถึงสามารถเลือกเงื่อนไขทางการเงินได้ตามต้องการ  ในปีที่ผ่านมา พบว่ามีลูกค้าที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ mySTAR กว่า 75% เลือกซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แทนรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น  

ทางด้าน ไมเคิล บราวน์ กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเสริมว่า “ในปีนี้ เรายังคงเน้นกลยุทธ์และแผนการตลาด “THE BEST” ผ่านการนำเสนอสินเชื่อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับลูกค้ารายย่อย สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์สำหรับผู้จัดจำหน่ายรถบรรทุก และลูกค้า Fleet สินเชื่อเพื่อผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์  พร้อมชูจุดแข็งผลิตภัณฑ์ mySTAR โปรแกรมทางการเงินที่ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดสินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคล พร้อมนำเสนอทางเลือก 3 แบบ (3R) เมื่อสิ้นสุดสัญญา คือ การคืนรถให้กับบริษัทฯ (Return) หรือ การเลือกจ่ายเงินจำนวนที่เหลือทั้งหมด แล้วเป็นเจ้าของรถ (Retain) หรือ เลือกที่จะรีไฟแนนซ์แล้วผ่อนชำระต่อ (Refinance) ซึ่งกลยุทธ์ในปีนี้         ทางบริษัทฯ จะให้ความสำคัญในการให้ลูกค้าเลือกข้อเสนอในการคืนรถ (Return) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสอง พร้อมทั้งกระตุ้นตลาดสินเชื่อรถยนต์ผ่านการที่ลูกค้าเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่อีกด้วย เมอร์เซเดส-เบนซ์ตลอดไป พร้อมทั้งยังคงให้ความสำคัญกับแผนประกันภัย Mercedes-Benz Protection โดยผลิตภัณฑ์นี้จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า ด้วยการคุ้มครองค่าเสียหายของรถยนต์สูงสุด 100% ของราคารถยนต์ คุ้มครองยางและล้อ 100% โดยไม่หักค่าเสื่อม รวมถึงสิทธิ์ในการใช้รถยนต์ทดแทนเมอร์เซเดส-เบนซ์ สูงสุดถึง 20 วันต่อปี ในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมากกว่า 48 ชั่วโมง ในปีนี้ทางบริษัทฯ มีบริการเสริมในรูปแบบดิจิตอล ทัชพ้อยท์ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ดีที่สุดแก่กลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเสริมฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและดีลเลอร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘Dealer Touchpoint (DTP)’ บริการเสริมในรูปแบบแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อให้ทราบถึงผลประกอบการของตนเอง และ ‘myMBFS’ แอพพลิเคชั่น ให้สามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลรถยนต์ทุกรุ่นที่จัดจำหน่ายในปัจจุบัน จนถึงโปรโมชั่นต่างๆ และกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ลีสซิ่งเท่านั้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้