ปี 63 ซูซูกิคว้ายอดทะลุ 25,528 คัน คาดการณ์ปี 64 ขายรวม 30,000 คัน

Last updated: 30 พ.ย. 2566  | 

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานความสำเร็จในการดำเนิน ธุรกิจประจำปี 2563 (เดือนมกราคม-เดือนธันวาคม) เติบโต 7% โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น  25,528  คัน เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ตอกย้ำถึงความสำเร็จที่มาจากความมุ่งมั่นในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด การขาย และการบริการ ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เตรียมปรับแผนธุรกิจรุกตลาดรถยนต์ปี 2564 เสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ พร้อมเจาะลึกด้านงานขายและงานบริหารที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

มิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในทุกด้าน ทั้งยังรวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  จึงเป็นปีที่หลายฝ่ายต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ แม้ซูซูกิจะได้รับผลกระทบอยู่บ้างแต่ก็ยังสามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมไปได้ถึง 25,528 คัน มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7% และมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 3.22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์มีตัวเลขยอดจำหน่ายอยู่ที่ 793,021 คัน ลดลง 21.29% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ผ่านมา สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิประจำปี 2563 แบ่งตามรุ่นดังนี้  SUZUKI SWIFT สอร์ตอีโคคาร์ยอดนิยม มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 10,320 คัน ลดลงจากปีก่อน  12.74% SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4,351 คัน คิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 195.18% SUZUKI CIAZ พรีเมียมอีโคคาร์ซีดาน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 3,047 คัน ลดลงจากปีก่อน  35.29% SUZUKI ERTIGA รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,766 คัน ลดลงจากปีก่อน  23.15% SUZUKI XL7 ใหม่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายนับตั้งแต่การเปิดตัว อยู่ที่ 2,560 คัน 

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เปิดกระบะท้ายได้ 3 ด้าน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,433 คัน คิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8% SUZUKI JIMNY รถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็กมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 51 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11%

 

ท่ามกลามวิกฤติในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโรคร้าย ไปจนถึงการแข่งขันอันรุนแรงของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย แต่ยอดจำหน่ายรถยนต์หลายรุ่นของซูซูกิมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น  โดยมีปัจจัยจากการที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยด้านสินค้า เลือกใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคามากขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบและรัดกุม คำนึงถึงเรื่องของราคาและคุณภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันให้มีความคุ้มค่าอย่างสูงสุด  ซึ่งสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์จากซูซูกิหลากหลายรุ่นที่เข้ามาตอบรับความต้องการได้อย่างเหมาะสมในสภาวะการณ์เช่นนี้ ด้วยตัวเลขยอดจำหน่ายรวมของซูซูกิในปี 2563 ที่เติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า  รถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญของผู้บริโภค ซึ่งต้องการมากกว่ายานพาหนะที่ออกแบบมาให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ในชีวิต ประจำวัน แต่ยังเป็นรถยนต์คุณภาพดีที่มอบทั้งความคุ้มค่า คุ้มราคา ให้ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะกับ SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 328,000 บาท กลับมาได้รับความนิยมและสร้างยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง นอกจากสรรถนะการขับขี่อันดีเยี่ยม มอบความประหยัดอย่างเหนือชั้น ยังตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง ทั้งยังมีราคาจำหน่ายที่สามารถตัดสินใจครอบครองเป็นเจ้าของได้ง่ายอีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความสำเร็จให้แก่ซูซูกิเป็นอย่างมากกับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้บริโภคชาวไทย คือ SUZUKI XL7 ใหม่ มียอดแบ็คออเดอร์ถึง 958 คัน ซึ่งซูซูกิจะเร่งส่งมอบให้ถึงมือลูกค้าอย่างเร็วที่สุดอย่างแน่นอน

 

ด้านวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดรถยนต์ในปี 2564 โดยคาดว่ายอดจำหน่ายรวมในปีนี้จะอยู่ที่ 840,000 คัน ปัจจัยที่ยังน่ากังวล คือสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปยังหลายภาคส่วน ทั้งภาคอุตสากรรม การส่งออก การท่องเที่ยว รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชน และกำลังซื้อที่กำลังกลับมา เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังเชื่อมั่นว่า ด้วยมาตรการการดูแลและควบคุมต่างๆ ของทางภาครัฐ ทั้งการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนชาวไทยซึ่งผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา จะสามารถปรับตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ได้ดีมากขึ้น ซึ่งเมื่อทุกฝ่ายมีความมุ่งมั่นในการจะฝันฝ่าวิกฤติระลอกใหม่ครั้งนี้ไปด้วยกัน ก็น่าจะช่วยให้สถานการณ์ทุกอย่างฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้โดยเร็ว กลยุทธ์ของซูซูกิในปีนี้ จะยังคงเดินหน้าสานต่อแนวทางการบริหารงานอย่างครบวงจร เพื่อบริการลูกค้าและเจาะตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเข้าถึงมากยิ่งขึ้น ในด้านของผลิตภัณฑ์ เตรียมเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง NEW SUZUI SWIFT ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากเป็นการเพิ่มเติมความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเต็มความต้องการของลูกค้ายังเป็นการต่อยอดความสำเร็จของรถรุ่นนี้ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมของซูซูกิมาโดยตลอดอีกด้วย โดยตั้งเป้าขายปีนี้ที่ 30,000 คันด้านงานขายมีแผนที่จะพัฒนาและยกระดับพนักงานให้เข้าถึงช่องทางออนไลน์ปรับพฤติกรรมการขายและการดูแลให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคให้มีความแม่นยำ และโดนใจมากยิ่งขึ้น ด้านงานบริการ ซูซูกิ มีแนวทางการพัฒนาไปร่วมกับทางผู้จำหน่ายมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังที่จะสร้างคุณค่าให้แก่งานบริการเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ล่าสุด เตรียมที่จะขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเพื่อดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เกินกว่า 140 แห่ง ภายในเดือนมีนาคมปี 2565 นี้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้