Last updated: 4 ต.ค. 2567 |
ปิดแอร์ให้หมด เปิดกระจกรถ และเปิดเพลงโปรดให้เสียงดังลั่น มักเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้ขณะขับรถเพื่อให้รู้สึกตื่นตัว ความจริงคือวิธีการเหล่านี้มักไม่ได้ผลและยังก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา จากผลการศึกษา พบว่าวัยรุ่นที่ชอบเปิดเพลงขณะขับรถมักจะก่อปัญหาบนท้องถนนมากกว่า ขับรถชวนหวาดเสียวมากกว่าในขณะที่จดจ่อกับสภาพแวดล้อมรอบข้างได้น้อยลง ส่วนอีกหนึ่งวิธีผิดๆ ที่คนชอบทำกันคือทานของหวานเพื่อช่วยให้ตื่นตัว ซึ่งมันช่วยได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นภาวะอ่อนเพลียเฉียบพลันจะตามมา อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องปิดวิทยุหรือทนหิวตลอดทาง ฟอร์ด มีวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถขับรถได้อย่างสบายใจและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน
เปิดเพลงที่เข้ากับจังหวะการเต้นของหัวใจ เพลงที่เหมาะกับการขับรถคือเพลงที่มีจังหวะความเร็วพอๆ กับจังหวะการเต้นของหัวใจ ซึ่งก็คือ 60-80 bpm ต่อนาที หากเพลงมีจังหวะเร็วหรือเสียงดังเกินไป คนขับมักจะขับรถก้าวร้าวมากขึ้น ในขณะที่ถ้าเพลงช้าไปก็อาจจะทำให้เรารู้สึกเฉื่อยชาตามไปด้วย ดังนั้น สร้างเพลลิสต์ดีๆ สำหรับเวลาขับรถขึ้นมาและเปิดให้ดังพอเหมาะ จะช่วยให้เรารู้สึกสบาย คลายเครียดและเพิ่มสมาธิในการขับรถได้ดียิ่งขึ้น
สก็อตต์ ลี วิศวกรด้านเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะและความปลอดภัยเชิงป้องกันจากศูนย์วิจัยและวิศวกรรมของฟอร์ด กล่าว “ในขณะเดียวกัน แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน มันก็ไม่ได้มาแทนที่ระบบอื่นๆ ที่จำเป็นต่อผู้ใช้ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้พัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำ เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเพื่อช่วยให้คนขับทุกคนปลอดภัยและลดความตึงเครียดขณะเดินทาง
หลีกเลี่ยงของหวานและอาหารจานด่วน หมั่นดื่มน้ำเสมอ หรือชากาแฟบ้างบางครั้งบางคราว ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ยังทำให้เราได้แวะพักเข้าห้องน้ำบ่อยๆ และได้ยืดเส้นยืดสายอีกด้วย พยายามหลีกเลี่ยงของหวานและอาหารจานด่วนที่จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ระลึกไว้ว่าให้หยุดรถเสมอเมื่อจะทานของว่าง ผลการศึกษาของฟอร์ด พบว่าคนขับรถที่ทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เช่น ทานขนมระหว่างขับรถ จะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติมากขึ้น พักผ่อนก่อนร่างกายจะไม่ไหว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนขับรถบรรทุกที่ต้องขับทางไกลนานๆ คนทำงานเป็นกะ พ่อแม่มือใหม่ หรือวัยรุ่น ทุกคนสามารถเกิดอาการง่วงขณะขับรถได้ทั้งนั้น
สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเหนื่อยล้าเกินกว่าจะขับรถได้ มีตั้งแต่ ลืมตาไม่ค่อยไหว หาวบ่อย มีสมาธิในการขับรถได้ยากขึ้น ไม่สามารถจำช่วงเวลาที่ตัวเองขับรถในช่วงไม่กี่กิโลที่ผ่านมาได้ ลืมมองป้ายจราจรหรือทางเลี้ยว ควบคุมความเร็วได้ยากและขับรถกินเลน เป็นต้น หากคุณมีแผนที่จะเดินทางไกลและรู้ว่าตัวเองจะไม่ไหว ลองหาคนมาช่วยสลับกันขับ ดีกว่าเสี่ยงขับรถทั้งๆ ที่ง่วง การเติมพลังให้ร่างกายง่ายๆ ด้วยวิธีต่อไปนี้ 1.ยืดกล้ามเนื้อที่ปวดหรือเมื่อยล้า 2.นวดกดจุดที่ตึงได้ง่าย เช่น บริเวณขมับและหลังคอเพื่อคลายความตึงหรือเคล็ด 3.ออกกำลังกายแบบเร็วๆ เช่นกระโดดตบหรือวิ่งอยู่กับที่เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น หากรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ควรหาที่พักเพื่องีบหลับหรือค้างคืนในที่ที่ปลอดภัย หากตื่นเช้ามาแล้วยังรู้สึกง่วง ให้ดื่มกาแฟหรือชาสักถ้วยเพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าพร้อมออกเดินทางต่อไป
10 พ.ค. 2566
11 มิ.ย. 2567