Last updated: 4 ต.ค. 2567 |
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยความสำเร็จผลการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2560 ยอดขายพุ่งกระฉูดสร้างสถิติใหม่ทะลุ 56,000 คัน เพิ่มขึ้น 31% โดยเฉพาะรถเก๋งเล็กอย่างมาสด้า2 แรงกระชากใจวัยรุ่นเกิดกระแสฟีเวอร์ไปทั่วเมืองจนก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่ง ส่วน CX-5 แรงไม่แพ้กันหลังเปิดตัวมาเพียง 5 เดือน ขายไปแล้วถึง 3,929 คัน ประกาศเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้ปรัชญา “MAZDA WAY” พร้อมดันคนไทยนั่งแท่นบริหารครบทุกฟังก์ชั่นเพื่อขับเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ความแข็งแกร่งภายใต้การทำงานร่วมกันเป็นทีม ONE MAZDA TEAM
ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตลาดเพิ่งเริ่มฟื้นตัว และมองเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นมา แต่เมื่อพิจารณาจากยอดขายของปีงบประมาณ 2560 โดยเริ่มนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 จนสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2561 มาสด้ายังสามารถเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้ประสบความสำเร็จสูงสุดเป็นประวัติการณ์มีตัวเลขยอดขายสูงถึง 56,379 คัน เติบโตสูงถึง 31% ซึ่งถือเป็นยอดขายสูงสุดในรอบ 5 ปี ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 6.3% (ประมาณการจากมาสด้า) สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของมาสด้าทั่วโลก ที่สำคัญยังถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอันดับหนึ่งของมาสด้าทั่วโลก และส่งผลทำให้มาสด้า ประเทศไทย มียอดขายสูงเป็นอันดับที่ 7 ของโลก รองจากประเทศจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และเยอรมนี โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 นั้นฮิตติดลมบนมียอดขายสูงกว่า 35,440 คัน เพิ่มขึ้น 47% ขึ้นครองเบอร์หนึ่งในตลาดรถเก๋งเล็ก ในขณะที่รถอเนกประสงค์เอสยูวี All-New Mazda CX-5 ฮ็อตฮิตอย่างรวดเร็วหลังการเปิดตัวมาไม่นานมียอดขายสะสมสูงถึง 6,411 คัน เพิ่มขึ้น 89% ตามมาด้วยรถเก๋งคอมแพคคาร์มาสด้า3 ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันมียอดขายสูงถึง 4,945 คัน เติบโต 16% ส่วนรถปิกอัพสายพันธุ์แกร่งมาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายรวมทั้งสิ้น 5,798 คัน ลดลง 21% และฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์มาสด้า CX-3 ที่แม้จะเจอกับคู่แข่งขันรอบด้านแต่ก็สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 3,755 คัน ลดลงเล็กน้อย 10% และสุดท้ายคือรถสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก เจ้าของตำนานรถสปอร์ตที่ขับสนุกที่สุดมียอดขายถึง 30 คัน
สรุปยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม – มีนาคม 2561) มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 16,586 เติบโตเพิ่มขึ้น 43% ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 7.0% (ประมาณการจากมาสด้า) โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 มีจำนวนมากที่สุดถึง 10,313 คัน เพิ่มขึ้น 55% ตามมาด้วยรถอเนกประสงค์เอสยูวี All-New Mazda CX-5 จำนวน 2,371 คัน เพิ่มขึ้น 198% รถยนต์นั่งมาสด้า3 จำนวน 1,290 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 3% รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ Mazda CX-3 จำนวน 958 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 6% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 1,650 ลดลงเล็กน้อย 8% และรถสปอร์ตเปิดประทุนมาสด้า MX-5 จำนวน 4 คัน อย่างไรก็ตามมาสด้ายังคงมั่นใจว่าตลาดรถยนต์รวมในปีนี้จะมียอดขายทะลุเกิน 9 แสนคัน ถึงแม้ว่าตลอดปีงบประมาณที่ผ่านมา มาสด้าจะมีเพียงการปรับโฉมในแต่ละรุ่นเพื่อนำเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใส่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าลูกค้ากลับให้การยอมรับกับแนวทางของมาสด้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะมาสด้า2 ทำเซอร์ไพรส์ก้าวขึ้นยึดบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถยนต์นั่งขนาดเล็กได้สำเร็จอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน ทำให้ยิ่งมั่นใจว่ายอดขายในปีงบประมาณนี้ทะลุเกิน 60,000 คัน แน่นอน
มาสด้าได้สร้างความท้าทายใหม่ให้เกิดขึ้นด้วยการประกาศปรับทัพองค์กรอีกครั้ง โดยการดันคนไทยขึ้นมานั่งแท่นบริหารแบบยกชุดครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นของการบริหารงาน ตั้งแต่ การวงแผนองค์กร บัญชีและการเงิน การขาย การตลาด การบริการหลังการขาย ระบบขนส่งโลจิสติกส์ส์และอะไหล่ โดยได้ 8 กุนซือ ที่คลุกคลีกับมาสด้ามายาวนานขึ้นบัญชาการในแต่ละฝ่ายภายใต้ปรัชญาการทำงานเป็นทีม นั่นคือ ONE MAZDA