Last updated: 4 ต.ค. 2567 |
เอเอ็มจี แบรนด์ที่ประกอบตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัวนี้ ถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไป ทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตยานยนต์สมรรถนะสูง ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานอันยอดเยี่ยม พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าอภิรมย์ให้กับผู้เป็นเจ้าของ โดยในปี 2017 นี้ บริษัทฯ จะถึงโอกาสครบรอบ 50 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีได้สร้างและรักษาชื่อเสียงของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตและรถยนต์สมรรถนะสูง ที่สะท้อนจากความสำเร็จในหลากหลายด้าน ทั้งด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ประเทศเยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของกลุ่มเดมเลอร์ เอจี โดยพนักงานทุกคนของบริษัทฯ ต่างยึดมั่นในหลักการเดียวกัน คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ “ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ต้องมีทั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความโฉบเฉี่ยวและเร้าอารมณ์
ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ สรรสร้างยานยนต์สมรรถนะสูงประเภทใหม่เพื่อผู้บริโภคการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก โดยรถยนต์ในตระกูล 63 ยังคงเป็นรุ่นที่เป็นหัวใจของแบรนด์ และเป็นรถยนต์ตระกูลที่เป็นที่ปรารถนาของผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังมีผลิตภัณฑ์รถสปอร์ตตระกูล AMG GT ที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนารถสปอร์ตของแบรนด์อีกด้วย ในขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนของแบรนด์ Mercedes-AMG ทางบริษัทฯ จึงได้มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อพัฒนาและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงตระกูลใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2016 ถือเป็นการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 10 รุ่น และนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ลูกค้าของ Mercedes-AMG จะมีรุ่นรถยนต์ให้เลือกสรรสูงถึง 50 รุ่นที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ผลิตเพื่อการจัดจำหน่ายจริง รถสปอร์ตรุ่น S 65 อันสง่างามที่ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบ รถซาลูนและรถเอสเตทที่ใช้เครื่องยนต์หลากหลายแบบ หรือแม้แต่รถเอสยูวี รถยนต์สไตล์คูเป้ รถเปิดประทุนสไตล์คาบริโอเลต์และโรดสเตอร์ ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ที่ Mercedes-AMG เลือกใช้ยังเป็นเทคโนโลยีระดับชั้นนำของรถยนต์ในแต่ละประเภท อย่าง เทคโนโลยีขับเคลื่อนล้อหลัง เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด เป็นต้น
โดยเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา Mercedes-AMG นำเสนอรถสปอร์ต Mercedes-AMG GT R เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรถสปอร์ตตระกูล GT อย่างเป็นทางการ พร้อมกับรถสปอร์ตโรดสเตอร์อีก 2 รุ่น คือ รุ่น GT Roadster และ GT C Roadster รวมถึงการเฉลิมฉลองปีที่ 50 ด้วยรถสปอร์ตคูเป้ในตระกูล Mercedes-AMG GT ที่เป็นรุ่นกึ่งกลางระหว่างรถสปอร์ตรุ่น Mercedes-AMG GT S และรุ่น Mercedes-AMG GT R ซึ่งเพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมและสมรรถนะที่เหนือกว่าเดิม โดยในช่วงการจำหน่ายครั้งแรก จะมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมหรืออุปกรณ์ตกแต่งที่เฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น โดยใช้ชื่อว่า Mercedes-AMG GT C รุ่น Edition 50 ที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสปีที่ 50 ของ Mercedes-AMG อีกด้วย ซึ่งทำให้มีจำนวนรถสปอร์ตในพอร์ตโฟลิโอเป็นจำนวนรวมถึง 6 รุ่น
ในปี 2017 นี้ Mercedes-AMG ได้พัฒนารถยนต์กลุ่มไฮเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานบนท้องถนนทั่วไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นรถไฮเปอร์คาร์รุ่นแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป โดยรถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นทางด้านสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม ตามแนวคิดใหม่คือ “สมรรถนะแห่งอนาคตกับเอเอ็มจี – AMG Future Performance” ผ่านการใช้นวัตกรรมระบบส่งพลังที่ใช้ในรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน แรงม้าสูงสุดกว่า 1,000 แรงม้า ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และใช้นวัตกรรมเพลาหน้าแบบระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน