Last updated: 4 ต.ค. 2567 |
เมืองมัลลิกาก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรีในสไตล์เมืองโบราณ ตั้งแต่บรรยากาศ พนักงาน ไปจนถึงนักท่องเที่ยว เมืองมัลลิกาตั้งอยู่บนถนนกาญจนบุรี-ไทรโยคขาออก เมืองมัลลิกานั้นเกิดจากแนวคิดที่อยากสร้างเมืองโบราณที่ยังมีชีวิต จำลองรูปแบบวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของไทยในสมัย รศ.124 หรือราวๆ หลังจากที่รัชกาลที่ 5 ได้ทรงประกาศเลิกทาส
มีที่มาจาก “แม่มะลิ” หญิงสาวสวยเชื้อสายไทยแท้ไปพบรักกับหนุ่ม ทั้งสองคนช่วยสร้างบ้านแปลงเมืองจากกระต๊อบเล็กๆ ทำนา ทำมาหากินจนสามารถปลูกเรือนไทย และค่อยๆ ร่ำรวย พัฒนาความเป็นอยู่ถึงขั้นเป็นเจ้าของตึกแถวการค้าขายหลากหลาย ค่าเข้าชมของเมืองมัลลิกามีค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 300 บาท แต่ในช่วงแรกนั้นลด 50% เหลือเพียง 150 บาท โดยจะมีบริการให้เช่าชุดไทยไว้แต่งตัวก่อนเข้าเมือง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้มาเยือนเข้ากับบรรยากาศย้อนยุคแบบสุดๆ พร้อมกับมีบริการฝากข้าวเข้ากับล็อกเกอร์ด้านหน้ามีบริการรถเจ๊กแบบที่เราเคยเห็นในละครพีเรียดให้นั่งเชิดหน้าราวกับสตรีหรือชายหนุ่มสูงศักดิ์เข้าเมือง รถเจ๊กลากมาถึงประตูเมืองขนาดใหญ่ที่จะค่อยๆ เปิดออกทันทีเมื่อเห็นรถลากส่งคนมาถึง บรรยากาศหลังประตูเมืองเป็นแบบย้อนยุคแบบสุดๆ เพราะคนที่อยู่ในเมืองมัลลิกานี้จะพูดด้วยภาษาโบราณที่ทุกคำจะลงท้ายด้วยคำว่าเจ้าค่ะ บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ คล้ายละครฉากใหญ่ มีคนกำลังทำนา พายเรือ เจรจาซึ่งกันและกัน
พอถึงเรือนของแม่มะลิ บ่าวในเรือนก็นำเวลคัมดริงก์มาต้อนรับ รสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ ชื่อของมันก็คือ “มัลลิกาพาราไดซ์” โดยบ้านของแม่มะลินั้นเป็นเรือนไทย มีการปลูกข้าวไว้ใกล้ๆ เรือน ซึ่งเราก็จะได้สัมผัสภูมิปัญญาชาวบ้านแบบใกล้ชิดสุดๆ ถัดมาใกล้ๆ กันนั้นเอง คือ เรือนคหบดี ที่อยู่อาศัยขยับฐานะขึ้นมาอีกระดับหนึ่งของแม่มะลิ กิจกรรมที่นำเสนอบนเรือนแห่งนี้คือการทำงานใบตอง การแกะสลักผลไม้ งานดอกไม้ เครื่องแขวน เป็นศิลปะของไทยที่ถือว่าหาชมได้ยากมา แขกที่มาเยือนสามารถลองร้อยมาลัยกับบ่าวบนเรือนได้ ด้านหลังเรือนคหบดีจะเป็นส่วนของครัว ที่นี่จะได้เห็นว่าคนสมัยก่อนเขาทำกับข้าวกันแบบไหน เวลาหุงข้าวทีละเยอะๆ ทำอย่างไร ไล่มาตั้งแต่การตำข้าว ร่อนข้าว แถมยังใจดีให้เราลองทำ
จากนั้น เราก็เดินต่อลงมาที่เรือนกลางน้ำ ในเมื่อเปิดเป็นเมืองแล้วเวลาหิวข้าวก็จะต้องเตรียมสำรับกับข้าวไว้รองรับ ร้านอาหารที่นี่จัดอาหารฉบับชาววังในสมัยรัชกาลที่ 5 และกาแฟสดที่เพิ่งเริ่มเข้ามาในสมัยนั้น ร้อยปีก่อน มาเสิร์ฟเป็นไฮไลต์ของเมืองมัลลิกาด้วย
ส่วนในโซนสุดท้ายนั้นเป็นร้านรวงต่างๆ จุดเด่นคือ ขนมแบบไทยๆ เช่น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมครกโบราณ หรือขนมไทยที่เรารู้จักอย่างขนมชั้น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอดก็มีมาเช่นกัน ที่แต่ละอย่างนั้นทำกันสดๆ ที่ร้านให้เห็น ขนมโบราณแบบนี้นั้นนับวันยิ่งจะเลือนหายไปตามกาลเวลา จะหาทานแต่ละครั้งก็ยากเสียเหลือเกิน โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะพาลูกหลานมาศึกษาวัฒนธรรมไทย ส่วนกิจกรรมที่นี่นั้นก็ได้ชาวบ้านในพื้นของจังหวัดกาญจนบุรีที่มาทำกิจกรรมต่างๆ ภายในเมืองมัลลิกาให้เราชม มีทั้งเด็กๆ ตัวเล็กๆ วิ่งขี่ม้าก้านกล้วยไปจนถึงคุณยายที่นั่งห่อขนม ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น