สำหรับ TOYOTA YARIS ATIV HEV กับทางเลือกรุ่น HEV Premium และรุ่น HEV GR Sport มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i ผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า พร้อมอัตราการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด 29.4 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Stickerโดยทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ ในรุ่น HEV Premium) การออกแบบภายนอก กระจังหน้าด้านบนโครเมียมรมดำ กระจังหน้าด้านล่างสีเทาเมทัลลิก พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว ในรุ่น HEV Premium ภายในฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบายครบครัน หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย พร้อมความมั่นใจได้ในระบบความปลอดภัยเหนือระดับตามมาตรฐานโตโยต้า
สำหรับรุ่น HEV GR Sport โฉบเฉี่ยว ดูสปอร์ต กับดีไซน์กระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมโลโก้ GR และชุดแต่ง GR-S ได้แก่ สเกิร์ตกันชนหน้า ชุดสเกิร์ตข้าง สเกิร์ตกันชนหลังและสปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว หลังคาดำ พร้อมกระจกมองข้างสีดำปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED และพับเก็บอัตโนมัติ สำหรับภายในมากับเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ พร้อมโลโก้ GR และเพิ่มความสนุกในการขับขี่ด้วยช่วงล่างและพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับจูนพิเศษ โดยลูกค้าสามารถมอบความไว้วางใจให้กับโตโยต้าตลอดอายุการใช้งานด้วยศูนย์บริการกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์ด้านระบบไฮบริด และมาตรฐานความพร้อมด้านอะไหล่ที่ครบครัน ภายใต้แนวคิด “TOYOTA NO.1 TRUSTED HYBRID”
โดย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย รุ่น HEV Premium ราคาแนะนำอยู่ที่ 719,000 และรุ่น HEV GR SPORT ราคาอยู่ที่ 769,000 บาท
การทดสอบในครั้งนี้ใช้เส้นทางจากกรุงเทพ-ระยอง-พัทยา-กรุงเทพ ระยะทางรวมกว่า 400 กิโลเมตร โดยรุ่นที่ทดลองขับเป็นรุ่น HEV Premium การขับขี่มีรูปแบบ และสภาพถนน การจราจร ที่หลากหลาย ช่วงล่างของรุ่นนี้เน้นความนุ่มเงียบ เริ่มเดินทางจาก Toyota Alive ถนนบางนาผ่านการจราจรติดขัดในช่วงเช้า แต่ด้วยความคล่องตัวของ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด ทำให้ขับขี่ลัดเลาะไปได้สบาย ด้วยตัวรถขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ในช่วงออกตัวเปลี่ยนเลนทำได้ดี เพราะมีมอเตอร์เข้ามาช่วยให้พละกำลังดีขึ้น
จากนั้นมาทางโล่ง ทำให้ได้ขับขี่ความเร็วสูงขึ้นมา ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีพละกำลังรวม 111 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 0.7 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า กดคันเร่งความเร็วมาอย่างต่อเนื่อง ขับสนุก ความเร็วต้นลื่นไหลไปยังความเร็วปลาย ผสานกับช่วงล่างที่หนึบทำให้มั่นใจยิ่งขึ้น ในช่วงแรกได้ทดลองอัตราประหยัดน้ำมัน โดยขับขี่ในรูปแบบการใช้งานจริง ในรุ่น Premium เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยถึง 29.4 กม./ลิตร ซึ่งผลที่ทดลองขับออกมาทำได้ดีถึง 31.2 กม./ลิตร
โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด เป็นระบบ Full Hybrid ที่ใช้เทคโนโลยี Hybrid Synergy Drive (HSD) ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยขณะออกตัวหรือขับขี่ที่ความเร็วต่ำ มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานเพียงอย่างเดียวเพื่อประหยัดพลังงาน ขณะขับขี่ปกติ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และพลังงานที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือเบรกจะถูกเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่ไฮบริด ทำให้ได้รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขับมาถึงสนามพีระ ได้มีโอกาสทดลองขับรุ่น HEV GR SPORT ที่มีช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างด้านหลัง Torsion Beam พร้อมเหล็กกันโคลง มีการปรับเซ็ทระบบช่วงล่าง ทั้งสปริง และโช๊คอัพ ใหม่ เน้นสปอร์ต ขับสนุก ได้ลองสนามขับจริงรู้สึกว่าช่วงล่างแตกต่างจากรุ่น HEV Premium อย่างเห็นได้ชัด เข้าโค้งแรงๆ ช่วงล่างแน่นหนึบ ไม่กระด้างทั้งยังดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ส่วนของน้ำหนักพวงมาลัยควบคุมได้ง่าย ได้ลองขับขี่ทางตรงใช้ความเร็วสูงมีความนิ่ง แน่น หนึบ
สรุป โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด ใหม่ มีจุดเด่นดังนี้ ในรุ่น Premium เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยถึง 29.4 กม./ลิตร และในรุ่น GR Sport เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยถึง 27.8 กม./ลิตร , อัตราเร่งมาไวทั้งช่วงต้นและไหลลื่นไปได้ ขับขี่สนุก รู้สึกนุ่มสบายในรุ่น HEV Premium และรู้สึกสปอร์ตในรุ่นGR Sport , ระบบเบรกมั่นใจหยุดฉับไว มีออฟชั่นที่คุ้มค่า , มีราคาที่เหมาะสม มีระบบ Toyota Safety Sense ที่ให้ฟีเจอร์ครบ อาทิเช่น กล้องรอบคัน, ถุงลม 6 จุด, ระบบเตือนมุมอับ, ระบบรักษาความเร็ว, หน้าจอ 10.1 นิ้ว , ชาร์จไร้สาย ฯลฯ ราคาเริ่มต้น 719,000 บาท มีรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง , รถผลิตในเมืองไทย ทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องราคา และคลังอะไหล่ , การดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องกังวลกับการชาร์จไฟ เพราะเป็นระบบไฮบริด ส่วนสิ่งที่อยากให้เพิ่มในโตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด คือ เบาะนั่งด้านหลัง น่าจะพับได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรจุสัมภาระ และเข็มขัดนิรภัยควรปรับระดับขึ้นลงได้
ถ้าคุณกำลังมองหารถขนาดกำลังดี ขับง่าย ขับสนุก ประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องรอชาร์จไฟ มีบริการหลังการขายที่ดี ราคาขายต่อไม่ตกมาก โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก