พิสูจน์ “นิสสัน ลีฟ” ขับพิชิตยอดดอยอินทนนท์ ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว

Last updated: 30 พ.ย. 2566  | 

หลังจากที่นิสสัน ลีฟ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และต่อมามีการจัดทดสอบถึงการใช้งานจริงว่า สามารถขับไปท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้ๆ และขับกลับมาท่องเที่ยวในกรุงเทพ ฝ่่าการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯจะไหวไหม ซึ่่งกิจกรรมวันนั้นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นิสสัน ลีฟ ขับไปได้ถึงจุดหมายจริงๆ จนถึงจุดสิ้นสุดยังเหลือพลังงานไว้ใช้ มาถึงวันนี้ค่ายนิสสันต้องการพิสูจน์ความเป็นรถไฟฟ้า 100% ให้เห็นกันเต็มตาว่า นิสสัน ลีฟ คันนี้จะสามารถขับพาไปเที่่ยวได้ไกลถึงดอยอินทนนท์ ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะบรรลุภารกิจไหมไปติดตามกัน



นิสสัน ประเทศไทย พาสื่อมวลชน ร่วมทดสอบนิสสัน ลีฟ ใหม่ ในระยะทางท้าทายกว่า 200 กิโลเมตร เริ่มต้นจากในตัวเมืองเชียงใหม่ ขับขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,565 เมตร จากนั้นเดินทางกลับสู่ที่พัก ซึ่งการทดสอบขับนี้ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการชาร์จเพียงเต็มครั้งเดียวเท่านั้น กิจกรรมครั้งนี้สร้างความท้าทายของ ลีฟ ใหม่ โดยได้สัมผัสกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการฟื้นฟูพลังงานไฟฟ้าขณะเบรกและชะลอความเร็ว หรือที่เรียกว่า regenerative braking system



กิจกรรมในครั้งนี้ทำให้ผู้เข้าร่่วมทดสอบทราบถึง สมรรถนะ นวัตกรรม และความสะดวกสบายของ ลีฟ ใหม่ ซึ่งมีพื้นฐานการออกแบบของการพัฒนาเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มแรก สำหรับการขับขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์บนถนนที่มีช่องจราจรเดียว เป็นการทดสอบที่สามารถพิสูจน์สมรรถนะในแต่ละด้านของรถได้เป็นอย่างดี โดยนิสสัน ลีฟ เป็นรถที่ขับสนุก ช่วงล่างดี และจากการทดลองขับระยะทางไกลๆขึ้นลงเขาอย่างต่อเนื่อง แทบไม่น่าเชื่่อว่านี่คือพละกำลังของรถไฟฟ้า เพราะพละกำลังมาต่่อเนื่่อง การเร่่งแซงทำได้ดี



การขับลงในพื้นที่ลาดชัน ยังแสดงให้เห็นถึงระบบฟื้นฟูพลังงานที่เป็นความเรียบง่ายอย่างอัศจรรย์ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ รวมถึงเทคโนโลยี e-Pedal ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในลีฟ โดยเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่างลีฟ ได้มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการพิชิตภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทยได้



ระบบฟื้นฟูพลังงาน ช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่เมื่อใช้ชะลอความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการเบรกกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เช่นระหว่างทางลดจากยอดดอยอินทนนท์ นิสสัน ลีฟ ใหม่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับมาได้สูงสุดถึงกว่า 20% ทั้งนี้ความสามารถดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และความลาดชันของเส้นทาง โดยการขับใน โหมด ‘B' ของลีฟ จะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้การฟื้นฟูพลังงานที่มากยิ่งขึ้นในขณะที่ชะลอความเร็ว



นอกจากนี้ยังมีโอกาสทดลองใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี  ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของลีฟ ในระหว่างการขับขี่รวมถึง e-Pedal เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว และหยุดนิ่งด้วยการใช้แป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียว ทำให้ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายมากขึ้นทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างเป็นอย่างดี นิสสัน ลีฟ เป็นไอคอนของแนวคิดการเคลื่อนที่ในอนาคตของนิสสัน หรือ นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อาทิ เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้าขณะขับขี่ (Forward Collision Warning – FCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Forward Emergency Braking – FEB) และเทคโนโลยีกล้องอัจริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ซึ่งให้มุมมองได้แบบ 360 องศา เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่บนภูเขาที่ท้าทาย



เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะในลีฟ ใหม่ คือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มอบสมรรถนะที่ต่อเนื่อง และเร้าใจด้วยการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟ เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น 320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที ผู้ที่ขับขี่ลีฟ จะชื่นชอบกับการตอบสนองที่ทันท่วงที เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ลีฟ ใหม่ ยังมีระยะทางขับขี่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ให้ระยะทางขับขี่ตามมาตรฐานการวัดค่าไอเสียและอัตราสิ้นเปลือง NEDC (New European Driving Cycle) ที่ 311 กิโลเมตร ซึ่งตอบสนองต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันของลูกค้า ส่วนใหญ่ได้อย่างน่าพึงพอใจ



แบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานที่ดีขึ้น โดยยังมีขนาดเท่าเดิม ชุดแบตเตอรี่ดังกล่าวมีมิติเท่าเดิมทุกด้านเหมือนกับลีฟ รุ่นก่อนหน้า การปรับปรุงใหม่นี้ เกิดขึ้นภายในโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 อีกหนึ่งพัฒนาการทางวิศวกรรมที่สำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้า พร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น พร้อมกับเพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคลายประจุไฟ



สำหรับเส้นทางทดสอบนี้ เป็นเส้นทางที่มีโค้งและสภาพสูงต่ำต่างกัน มีความแตกต่างด้านภูมิประเทศ  พรรณพืชและสัตว์ป่า โดยอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีชื่อเสียงจาก ยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอก เต็มไปด้วยกล้วยไม้ ป่าไม้ผลัดใบและป่าสน รวมถึงนกหลายร้อยสายพันธุ์ ที่อาศัยท่ามกลางพื้นที่ป่าของอุทยาน ซึ่งนิสสัน ลีฟ ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 320 นิวตันเมตร สามารถให้อัตราเร่งอย่างน่าทึ่ง รวมถึงมอบการขับขี่ที่สะดวกสบายขณะขับขี่ แม้นบนเส้นทางที่คดเคี้ยวได้อย่างราบรื่น และไร้มลพิษ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ได้รับการออกแบบเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างแท้จริง พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะภายใต้สภาวะที่ท้าทายที่สุดบนภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เป็นเลิศ



ผู้สนใจติดต่่อตัวแทนจำหน่ายเพื่อทดลองขับ นิสสัน ลีฟ ใหม่ โดยถ้าลูกค้าจอง ลีฟ ใหม่ จะได้รับการประกันคุณภาพรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมการรับประกันระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร อีกด้วย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้