มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โฉมใหม่ เพิ่มออฟชั่นจัดเต็ม

Last updated: 30 พ.ย. 2566  | 

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ บนเส้นทางกรุงเทพฯ – หัวหิน ผ่านอำเภอ แก่งกระจาน พร้อมทั้งทดลองขับบนเส้นทางออฟโรด และให้สัมผัสถึงสมรรถนะการขับขี่ พร้อมความหรูหรา สะดวกสบาย




มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เป็นรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนา มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ได้นำคุณสมบัติที่โดดเด่นมาพัฒนาและยกระดับให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสะท้อนความสำเร็จของผู้ขับขี่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ที่เหนือกว่าภายใต้แนวคิด ‘ความสำเร็จที่เป็นคุณ’” ด้วยดีไซน์อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี ผสานความโดดเด่น ความหรูหราและความอัจฉริยะ  ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถอเนกประสงค์ที่มีอุปกรณ์ครบครันมากที่สุดในระดับเดียวกัน




สำหรับกิจกรรมทดลองขับเริ่มที่ร้านอาหารใจกลางกรุงเทพฯ โดยมีการบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์ และปล่อยขบวนรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ที่่มีรูปลักษณ์โดดเด่นด้วยการออกแบบด้านหน้าแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ เอกลักษณ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทรงพลังและสง่างาม ชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ และชุดไฟคอมบิเนชั่นที่ติดตั้งอยู่ด้านนอกของกันชนหน้า เพิ่มประโยชน์ใช้สอยและเน้นย้ำรูปลักษณ์ที่บึกบึนและทรงพลัง ถ่ายทอดเส้นสายที่แข็งแกร่งด้วยการยกขอบฝากระโปรงให้สูงกว่าเดิม ช่วยป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วมและสิ่งกีดขวางอื่นๆ




ส่วนด้านหลังของปาเจโร สปอร์ตใหม่่ บ่งบอกถึงเสถียรภาพและความแข็งแกร่ง ด้วยกันชนขนาดใหญ่และแผงกันกระแทกด้านล่าง บันไดข้างติดตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มสมรรถนะ และโดดเด่นมากขึ้นด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว




การออกแบบห้องโดยสารให้ความหรูหรา พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เริ่มจากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้วใหม่ที่ง่ายต่อการอ่านมีการแสดงผลมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถ พร้อมกับแสดงสถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 3 แบบ รองรับเมนูภาษาไทย สามารถเชื่อมต่อและแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-link Display Audio) ขนาด 8 นิ้ว จึงไม่ต้องละสายตาจากจอแสดงข้อมูลขับขี่ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน  และแอปเปิลคาร์เพลย์ ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และการสั่งงานด้วยเสียง  นอกจากนี้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเพลิดเพลินกับระบบความบันเทิงตลอดการเดินทางด้วยจอภาพพร้อมรีโมทคอนโทรล ขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานรถ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI




ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย พื้นที่บริเวณหัวเข่าและข้อศอกกว้างขวางขึ้น พร้อมติดตั้งวัสดุบุนุ่มบริเวณมือจับประตูและคอนโซลกลางเพื่อยกระดับความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้น ห้องโดยสารมีการติดตั้งช่องเก็บของเพิ่มที่บริเวณหน้าคันเกียร์  และช่องวางของที่ด้านล่างของคอนโซลกลาง พร้อมติดตั้งเพิ่มช่องจ่ายไฟและพอร์ท USB สำหรับชาร์จไฟ




อีกหนึ่งจุดเด่น คือ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมการสั่งงานด้วยระบบแฮนด์ฟรี ทำงานร่วมกับระบบมิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานเปิด-ปิดประตูท้ายผ่านสมาร์ทโฟน โดยสามารถตั้งค่าให้เปิดหรือปิดอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เดินเข้ามาใกล้หรือเดินออกห่างจากตัวรถ นอกจากการสั่งงานเปิด-ปิดประตูท้าย ระบบ มิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล สามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะตัวรถ ข้อมูลการใช้งาน การแจ้งเตือนระบบ และการสั่งงานอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ผ่านสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์แวเรเบิล สามารถส่งคำสั่งได้จากทุกที่ในระยะของการเชื่อมต่อรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน โดยทำงานควบคู่กับระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS หรือเมื่ออยู่ในระยะสัญญาณบลูทูธ




การเดินทางช่วงแรกโดยมีระยะทาง 180 กม. มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานผ่านการจราจรที่หนาแน่นในเมือง ซึ่งสื่อมวลชนได้ทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ทั้ง ระบบเบรกมืออัตโนมัติ Auto Parking Brake (APB)  และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อจอดอยู่กับที่ Brake Auto Hold (BAH)  จากนั้นออกสู่่ถนนสายหลักและถนนสายรองที่คดเคี้ยว ซึ่งได้ทดสอบสมรรถนะแบบออนโรด ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร MIVEC VG Turbo Clean Diesel 181 แรงม้าและแรงบิด 430 นิวตันเมตร อัตราเร่งตอบสนองอย่างดีเยี่ยมและต่อเนื่อง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ส่วนของช่วงล่างให้ความนุ่มสบาย แต่่่ยังคงความหนึบ ส่วนภายในห้องโดยสารรับรู้ถึงความเงียบมากขึ้น




เมื่อขับขี่บนถนนยังได้ทดลองระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบส่งสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA) ซึ่งใช้เรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหลังในการตรวจจับรถคันหลังที่วิ่งอยู่ในช่องจราจรถัดไป ก่อนแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณไฟกระพริบบนกระจกมองข้างและแจ้งเตือนผ่านสัญญาณเสียงถ้าผู้ขับขี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนช่องจราจรและตรวจพบว่ามีรถคันหลังอยู่ในจุดอับสายตากำลังวิ่งใกล้เข้ามาในช่องจราจรนั้น




เดินทางถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เส้นทางเปลี่่ยนเป็นทางออฟโรดธรรมชาติระยะทาง 9 กม. เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II ที่มาพร้อม 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H (4WD High-Range) ขับเคลื่อน  4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-Range with Locked Transfer) และ โหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) นอกจากนี้ ยังมาพร้อมโหมดออฟโรด  4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock รวมทั้งระบบล็อกเฟืองท้าย ในการทดสอบแบบออฟโรดยสื่อมวลชนยังได้ใช้ฟังก์ชั่น กล้องมองภาพรอบคัน ซึ่งจับภาพแบบ 360 องศารอบตัวรถและแสดงภาพสิ่งกีดขวางจากมุมสูงพร้อมเส้นกะระยะและเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถคันอื่นอยู่ด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด หลังจากหยุดพักที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ออกเดินทางต่อสู่จุดหมายที่อำเภอหัวหินบนระยะทางอีก 100 กม.




มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและแบบปกป้องมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถอเนกประสงค์ในระดับเดียวกัน มีทั้งระบบความปลอดภัยประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ เทคโนโลยีความปลอดภัยแบบปกป้องได้แก่ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE  ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูงเพื่อช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารจากการชนทุกทิศทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด




เจ้าของรถ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ สามารถใช้งานรถได้ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิมด้วยแอพพลิเคชั่น M-Connect รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลของตัวรถไปยังสมาร์ทโฟน โดยมี 4 เมนูหลัก ได้แก่ 1) Roadside Assistance บริการช่วยเหลือบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อสั่งการผ่าน สมาร์ทโฟน และหน้าจอระบบสัมผัส SDA  2) Vehicle Information การรายงานข้อมูลทั้งสภาพรถ ประวัติการเข้ารับบริการ และ          แสดงข้อมูลตัวขณะขับขี่  3) Vehicle Health Report การแจ้งเตือนสถานะของตัวรถเพื่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุง อาทิ ระบบกุญแจอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเบรกเป็นต้น 4) Emergency Call การประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบนี้ทำงานทันทีเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานหรือสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนและหน้าจอระบบสัมผัส SDA




มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มี 2 สี คือ สีขาว White Diamond และ สีเทา Graphite Gray และอีก 3 สีภายนอกยอดนิยม ได้แก่ สีดำ Jet Black Mica สีเงิน Sterling Silver และ สีน้ำตาล Deep Bronze ด้านราคาจำหน่ายมีดังนี้ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น 2WD GT มีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,299,000 บาท มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น 2WD GT-PREMIUM มีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,469,000 บาท มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น 4WD GT-PREMIUM มีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,599,000 บาท ผู้สนใจไปทดลองขับได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ





Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้