สัมผัส CX-5 ใหม่ สมรรถนะดี นุ่ม เงียบ

Last updated: 30 พ.ย. 2566  | 

หลังจากที่มาสด้าเปิดตัว CX-5 ใหม่ อย่างเป็นทางการ ได้มีการพาสื่อมวลชนร่วมสัมผัสสมรรถนะแบบชิมลางไกลถึงประเทศมาเลเซีย มาวันนี้มาสด้าจัดทดลองขับแบบเต็มสูบ ขับขี่บนถนนจริง ผ่านโค้งนับพัน ขึ้นลงภูเขาอย่างหนักหน่วง ด้วยการจัดทริปให้ผู้สื่อข่าวขับขี่ถึง 3 ทริป ซึ่งทริปแรกเป็นการขับขี่จากเชียงราย-น่าน-เชียงคาน-อุดรราชธานี ผ่านโค้งขึ้นลงเขาอย่างหนัก ทริปสองรับไม้ต่อจากอุดรธานี-สกลนคร-นครพนม-อุบลราชธานี และทริปที่ 3 รับไม้ต่อจากอุบลราชธานี-บุรีรัมย์-สระแก้วและมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ซึ่งเป็นทริปยาว โดยผู้ขับขี่ผลัดเปลี่ยนถึง 3 กลุ่ม แต่รถมาสด้า CX-5 ยังเป็นคันเดิมที่รับไม้ต่อกัน 



Mazda CX-5 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2555 ออกแบบภายใต้ KODO Design ผสานเทคโนโลยีใหม่ SKYACTIV TECHNOLOGY จนได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์ทรงพลัง ตอบสนองการขับขี่อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งมีสมรรถนะด้านความปลอดภัยสูงสุด ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Mazda CX-5 ได้รับความนิยมจนกลายเป็นโมเดลหลักของมาสด้า ด้วยการทำยอดขายสูงสุดถึงร้อยละ 25 ของยอดขายประจำปีของมาสด้าทั่วโลก จวบจนถึงปัจจุบันมียอดการจำหน่ายไปแล้วกว่า 1.4 ล้านคัน ในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก  และสำหรับ All-New Mazda CX-5 การออกแบบด้วยสโลแกนที่ว่า “ความแข็งแกร่งอันปราณีต” ออกแบบภายใต้ KODO Design  รูปลักษณ์ภายนอกดูโดดเด่นหรูหรา พรีเมียม ส่วนภายในที่บ่งบอกความรู้สึกอันน่าพึงพอใจ นอกจากนี้ยังมีสีตัวถัง Soul Red Crystal ใหม่ ช่วยเสริมให้ CX-5 ใหม่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น



รูปลักษณ์ภายนอกดูโดดเด่นและแข็งแกร่ง จากด้านหน้าไปด้านหลังของตัวรถจะช่วยให้ความรู้สึกถึงอัตราเร่งที่คล่องแคล่วว่องไวและปราดเปรียว เรียบง่าย มีการปรับระยะห่างของล้อคู่หน้าและระยะห่างของล้อคู่หลังให้กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร ในขณะที่เสา A ถูกปรับตำแหน่งไปยังด้านหลังประมาณ 35 มิลลิเมตร รวมไปถึงรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ขยายออกจากประตูท้ายลงไปสู่ล้อคู่หลังทั้ง 2 ข้าง ผลลัพธ์ที่ได้คือรูปลักษณ์อันทรงพลัง มีการปรับปรุงให้รูปลักษณ์ดูต่ำลงในแนวระนาบ ขยายรูปลักษณ์ด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้าให้เพรียวบางมากขึ้น ตำแหน่งของโคมไฟหน้าต่ำลงกว่าเดิม และออกแบบกระจังหน้าที่ช่วยเน้นให้เห็นถึงความกว้างผ่านเส้นสายที่แผ่ออกไปสู่โคมไฟหน้าอย่างมีเอกลักษณ์



รูปลักษณ์ภายในเน้นไปที่ “บรรยากาศ (ambience)” “รูปแบบ (form)” และ “ผิวสัมผัส (texture)” เพื่อมุ่งไปสู่บรรยากาศที่คำนึงถึงผู้โดยสารเป็นหลัก มาสด้า ได้คำนึงถึงรูปแบบขององค์ประกอบทุกส่วนที่ล้อมรอบผู้โดยสารเพื่อสร้างรูปแบบพื้นฐานที่ให้ความรู้สึกอันน่าพึงพอใจและให้ความสะดวกสบายแก่ทุกคนที่โดยสารในรถ จากนั้นที่ออกแบบได้ออกแบบรูปลักษณ์ภายในที่ดีเลิศแสดงถึงทั้งความทนทานและคุณภาพของรถ SUV ทั้งยังให้ความสำคัญกับคุณภาพการประกอบในทุกรายละเอียด มาตรวัดทั้งหมดตรงด้านหน้าของคนขับจะอยู่ตรงศูนย์กลางของพวงมาลัย การออกแบบเบาะนั่งให้มีมิติความลึกมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับช่องแอร์ที่ถูกออกแบบให้มีมิติความลึกเพื่อแสดงออกถึงความแข็งแกร่งของรถ SUV ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพอันเป็นดีเลิศ ลวดลายบนแผงที่ถูกประดับประดาผสมผสานความอบอุ่นของลายไม้แบบธรรมชาติผสานกับความแข็งแกร่งและความทนทานของโลหะเพื่อสร้างความลุ่มลึกแบบใหม่ หนังสีดำที่ให้สัมผัสนุ่มและเรียบเนียนถูกนำมาใช้ ในบริเวณที่ผู้โดยสารมักจะสัมผัสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงการเลือกเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำตาลอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เข้ากับวัสดุและสีของเบาะ  ห้องโดยสารด้านคนขับซึ่งประกอบไปด้วยปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้คอนโซลกลางและคันเกียร์ถูกปรับให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบันถึง 60 มิลลิเมตร ตำแหน่งเสาเอที่เอียงไปทางด้านหลัง ช่วยขยายทัศนะวิสัยของการมองเห็นทางด้านขวาและด้านซ้ายของผู้ขับขี่ ในขณะที่กระจกมองข้างออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลงจะช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยในแนวทแยงมุมในขณะเลี้ยวรถ นอกจากนี้ยังลดเส้นขอบหน้าต่างให้ต่ำลงกว่ารุ่นปัจจุบัน



All-New CX-5 เป็นผลิตภัณฑ์ของมาสด้ารุ่นแรกที่ติดตั้งพนักพิงเบาะหลังแบบปรับเอนได้ 2 ระดับ อีกทั้งยังปรับระดับความสูงของเบาะรองนั่งให้ต่ำลง และออกแบบรูปทรงของเบาะรองนั่งให้เป็นรูปทรง 3 มิติ เพื่อให้สามารถสอดรับกับสรีระของร่างกายส่วนล่างของผู้โดยสาร พร้อมทั้งเพิ่มช่องแอร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้มากที่สุดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พื้นที่เก็บสัมภาระมีขนาดความจุ 505 ลิตร All-New CX-5 ได้ติดตั้งระบบ MZD CONNECT ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อในรถยนต์สมัยใหม่ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์มือถืออื่นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต และเข้าถึงบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์และฟังก์ชันการสื่อสารอื่น ๆ ระบบ MZD CONNECT ประกอบไปด้วย ระบบเครื่องเสียง, การใช้งานโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบติดต่อสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่น  Aha™ by HARMAN รวมไปถึงระบบนำทางผ่านดาวเทียมซึ่งใช้ข้อมูลจากเอสดีการ์ด ระบบเครื่องเสียงแบบพรีเมียมมากถึงลำโพง Bose® 10 ตัว



เครื่องยนต์แบบคลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรง SKYACTIV-G 2.0 ลิตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีด ระบบส่งกำลังทั้งหมดนี้จะมอบอัตราเร่งที่ทรงพลังและตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ของมาสด้า ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหน้าลื่นไถล ระบบนี้ใช้น้ำมันสังเคราะห์เพื่อลดการสูญเสียพลังงานตลอดช่วงอุณหภูมิในการทำงานด้วยการรักษาความหนืดให้ต่ำแม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัด อีกทั้งยังลดความต้านทานโดยใช้บอลแบริ่งสำหรับชุดส่งกำลังในขณะออกตัวและชุดเฟืองท้ายด้านหลังทั้งหมด All-New CX-5 ได้ติดตั้งระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-VECTORING CONTROL หรือ GVC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ระบบแรกในอนุกรม SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ของมาสด้า ระบบจะทำงานโดยการปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้ตอบสนองต่อการทำงานของพวงมาลัย ซึ่งเป็นการควบคุมแบบผสมผสานระหว่างแรงเร่งจากด้านข้างและด้านตามยาวของตัวรถ  และปรับโหลดในแนวดิ่งที่กระทำลงบนล้อแต่ละล้อให้เหมาะสม GVC มีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SUV ซึ่งอาจจะมีแนวโน้มที่จะเกิดแรงกระทำจากด้านข้างรถอันเนื่องมาจากจุดศูนย์ถ่วงที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์นั่ง ช่วยให้ทั้งการตอบสนองและความมั่นคงของตัวรถดีขึ้น ในขณะที่ยังช่วยลดการโยกตัวออกไปด้านข้างของตัวผู้โดยสารและช่วยให้นั่งสบาย ระบบช่วงล่างของ All-New CX-5 ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ส่วนระบบช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ ลดการสั่นสะเทือนอันไม่พึงประสงค์ที่ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกได้เมื่อรถเกิดอาการโคลง ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อนที่ด้านหน้าและดิสก์เบรกไม่มีช่องระบายความร้อนในด้านหลัง นอกจากนี้ All-New CX-5 ยังเพิ่มฟังก์ชัน Auto-Hold ซึ่งจะช่วยให้ทำรถหยุดนิ่งอยู่กับที่แม้กระทั่งหลังจากที่ผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นเบรก 



ผู้เขียนได้ทดลองขับในทริปแรก ซึ่งสภาพถนนส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่ต้องผ่านโค้งนับพันโค้งตลอดระยะทาง ทำให้สัมผัสได้ถึงสมรรถนะของมาสด้า CX-5 ด้านพละกำลังของเครื่องยนต์แบบดีเซลให้สมรรถนะในการขับขี่ดีมาก กดคันเร่งลงไปเมื่อไหร่แรงมาตลอด ต่างจากเครื่องยนต์แบบเบนซินที่ต้องรอกำลังกันสักนิด โดยจะเห็นได้ชัดในช่วงขับขึ้นภูเขาที่มีทางลาดชันมากๆ เส้นทางในการทดลองขับทางส่วนใหญ่เป็นเลนเดียว จึงต้องใช้พละกำลังในการเร่งแซง มาสด้า CX-5 ทั้งสองรุ่นทำได้ดี ในส่วนของระบบช่วงล่างต้องบอกว่าหนึบ ขับสนุก เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและมั่นคง พวงมาลัยมีความแม่นยำ น้ำหนักพวงมาลัยจะหน่วงมากขึ้นเมื่อเราขับเร็วขึ้น ในความหนึบของมาสด้า CX-5 ใหม่ มีความนุ่มในตัว ไม่กระด้างเหมือนรุ่นที่ผ่านมา ผู้โดยสารนั่งได้สบายมากขึ้นเมื่อขับผ่านช่วงทำถนนและถนนเป็นหลุมบ่อ ตัวรถซับแรงกระแทกได้ดี ให้การกระเทือนน้อยมาก ภายในห้องโดยสารดีไซน์ได้อย่างสวยงามลงตัว ทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆมาครบครัน ภายในห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี เงียบมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน สำหรับมาสด้า CX-5 ใหม่ เป็นรถที่น่าสนใจและน่าจับตามอง เพราะใช้งานได้อรรถประโยชน์ รวมถึงมีสมรรถนะที่ดี และยังใส่อุปกรณ์และระบบต่างๆมาอย่างเต็มเหนี่ยว โดยสนนราคาค่าตัวรุ่นดีเซลเริ่มต้นที่ 1.56 ล้าน  รุ่นเบนซินเริ่มต้นที่ 1.29 ล้าน      เรียกได้ว่าจัดเต็มกับระบบต่างๆแบบรถยุโรป ในราคารถญี่ปุ่น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้